ถ้า CPALL ทำธุรกิจ EV รายได้จะทะลุเท่าไหร่?

ธุรกิจรถพลังงานไฟฟ้า หรือรถอีวี เป็นธุรกิจเมกะเทรนด์ในอนาคต ทั้งความสะดวกสบายในการใช้รถ และการใช้ Clean Energy ที่ช่วยแก้ปัญหาทรัพยากรธรรมชาติที่มีแต่จะหมดไป โดยเฉพาะน้ำมัน สำหรับตลาดรถอีวีที่ใหญ่ที่สุดในโลกในขณะนี้คือตลาดจีน นั่นคือเหตุผลว่าทำไมโรงงานระดับ Giga factory ของ Tesla ที่ใหญ่ที่สุดในโลกจึงอยู่ที่จีน

สำหรับประเทศไทยเอง ปัจจุบันมีบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เป็นเจ้าใหญ่ในตลาดรถอีวีประเทศไทย ล่าสุดมีข่าวว่า บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL เตรียมลงทุนในรถอีวีเช่นกัน โดยสำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย รายงานว่า CPALL อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรผู้ผลิตรถยนต์ เพื่อผลิตรถอีวีสำหรับการส่งของ โดยสิ่งที่ CPALL มองเห็นคือ การพยายามนำรถอีวีมาใช้กับรถขนส่งที่ปัจจุบันมีประมาณ 7,000 คัน จากการขนส่งสินค้าร้าน 7-Eleven ทั่วประเทศ กว่า 12,500 สาขาในปีที่ผ่านมา

ที่สำคัญสิ่งที่ CPALL มองเห็น ไม่ใช่แค่การเตรียมใช้รถอีวี ในงาน logistic เท่านั้น แต่บริษัทเตรียมติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า รถอีวี ประมาณ 100 สาขาภายในปีนี้ เพื่อเซิร์ฟความต้องการของลูกค้าที่ใช้บริการรถอีวี

และนอกจาก “โอกาสทางการคลาด” ของ CPALL แล้ว ถ้าดูข้อมูลธุรกิจในประเทศจีน จะเห็นธุรกิจในเครือเจริญโภคภัณฑ์ ครอบคลุมธุรกิจเฮลท์แคร์ และการเกษตรใน “ประเทศจีน” ด้วย ดังนั้นเมื่อเชื่อมต่อจิ๊กซอว์การขยายตัวของตลาดรถอีวี กับธุรกิจของเครือเจริญโภคภัณฑ์ที่กินรวบทั้งต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ

โดยผลประกอบการปี 2563 CPALL มีรายได้รวม 546,364.02 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 16,102.42 ล้านบาท ดังนั้นหาก CPALL ลงทุนในธุรกิจรถอีวี ผลประกอบการจะกระโดดเป็นเท่าตัวอย่างแน่นอน หรือจะได้เห็นในหลักหมื่นล้านบาทเป็นอย่างต่ำ โดย Market Watch รายงานว่า The Swiss Bank คาดการณ์ว่า ภายในปี 2583 ตลาดรถอีวีจะขยายตัว 100% หรือมีมูลค่าตลาดอย่างต่ำๆ 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา :

https://www.set.or.th/

https://on.mktw.net/3wzkVhM