ถ้าพูดถึงธุรกิจอำนวยความสะดวก ที่ตอบโจทย์ Paint Point หรือแก้ปัญหาชีวิตประจำวันแบบ Root Cause Analysis ของผู้บริโภค ที่ทำรายได้ให้กับธุรกิจยูนิคอร์นหรือสตาร์ทอัพอย่างมหาศาลแล้ว ต้องบอกว่าไม่ได้มีแค่บริการ Delivery เท่านั้น แต่ยังมีอีกธุรกิจหนึ่ง ที่เพจมนุษย์กลยุทธ์จะหยิบมาเล่าในวันนี้ นั่นคือ “ธุรกิจร้านสะดวกซัก” ซึ่งได้รับความนิยม และผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
โดยโมเดลการทำธุรกิจร้านสะดวกซัก เป็นการขยายธุรกิจแบบแฟรนไชส์ ซึ่งมีข้อดีคือ ทั้งเจ้าของแบรนด์ และผู้ที่บริหารแฟรนไชส์ สามารถพัฒนาการขายได้ร่วมกัน เป็นโมเดลธุรกิจที่วิน-วิน ทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งต้องบอกว่าโมเดลแฟรนไชส์ เหมาะกับธุรกิจเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ หรือร้านสะดวกซักอยู่มากทีเดียว
เพราะว่าด้วยเรื่องการซักผ้า ก็ต้องกระจายตามชุมชน คอนโดมิเนียม หรือหอพัก ยิ่งใกล้บ้านผู้บริโภคเท่าไหร่ ร้านสะดวกซักนั้นๆ ก็มีโอกาสโตสูง โดยเฉพาะ "Otteri Wash&Dry" ที่ถือเป็นร้านสะดวกซักเจ้าแรกๆ ที่ประสบความสำเร็จจากการทำธุรกิจเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ
สำหรับ Otteri Wash&Dry แม้จะเป็นธุรกิจใหม่ ที่รวมเอาปัญหาการซักผ้า บวกกับ Digital Payment และที่มากกว่านั้นคือ การเปลี่ยนร้านสะดวกซักที่เป็นเรื่องของลานซักล้างบ้านๆ เป็น Co-working Space แก้ปัญหาการต้องรอผ้านานๆ ซึ่งนอกจากใช้ออกแบบพื้นที่การทำงานของคนรุ่นใหม่อย่าง Co-working Space แล้ว Otteri Wash&Dry เป็นการต่อยอดจากธุรกิจดั้งเดิมคือ บริษัท เค-เน็กซ์ คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด ทำธุรกิจนำเครื่องจักรอุตสาหกรรม “ซัก อบ รีด”
และที่สำคัญที่สุดคือ Otteri Wash&Dry ไม่ใช่แค่ธุรกิจที่ตอบโจทย์ Paint Point ของผู้บริโภคเท่านั้น ที่เปลี่ยนงานทำความสะอาดให้เป็นงานสนุกเท่านั้น แต่การต่อยอดจาก “ธุรกิจดั้งเดิม” เป็นเรื่องสำคัญกว่า เพราะอุตสาหกรรมแบบเก่า ที่ต้องใช้เครื่องจักรชิ้นใหญ่ พร้อมที่จะทรุดไปกับภาวะเศรษฐกิจ และแนวโน้มการปรับตัวไม่ทันตามดิจิทัล ดังนั้น การปั้นแบรนด์สตาร์ทอัพ Otteri Wash&Dry จากสิ่งเดิมที่ดีอยู่แล้ว เป็นตัวอย่างที่ดีของการปรับตัวของเอสเอ็มอี ที่เดิมถ้าพูดถึงเรื่องการปรับตัวของคนตัวเล็กมักจะนึกไม่ออกว่าอยู่ในธุรกิจไหนบ้าง
แต่ Otteri Wash&Dry สามารถทำให้เค-เน็กซ์ฯ บริษัทอุตสาหกรรม ให้เป็นธุรกิจใหม่ที่มาพร้อมโอกาส และปัจจุบันมีบริการ 422 สาขาทั่วประเทศ หลังการเริ่มต้นทำธุรกิจร้านสะดวกซักในปี 2558 หรือเมื่อ 6 ปีที่ผ่านมานี้เอง
ที่มา :
Comments