top of page
Prawta

7 ข้อควรระวังในการเดินแผนการตลาด



การทำการตลาดนั้นจะมีผลดังผลปังขายดีเป็นเททิ้งน้ำได้ก็ต่อเมื่อ มีแผนการตลาดที่ดี และ “ การนำไปปฏิบัติได้ดี” ด้วย เจ้าของสินค้าหรือนักการตลาดส่วนใหญ่ที่เห็นตอนนี้คือ แผนดีมากแต่ไม่ประสบความสำเร็จ


มนุษย์กลยุทธ์จะนำข้อผิดพลาดที่นักการตลาดรุ่นใหม่มักจะพลาดเสมอๆ มาเป็นเช็คลิสต์ให้กับทุกๆคน ไว้เป็นตัวช่วยในการป้องกันการดำเนินแผนการตลาดที่สุดเจ๋งให้ ออกมาปัง เงินทองไหลมาเทมาอย่างท่วมตัว

1.รีเสริชข้อมูลไม่พอ หรือหาข้อมูลผิดจุด

ที่หลายคนมักจะทำผิดกันคือ “รีเสริชข้อมูลไม่พอ หรือหาข้อมูลผิดจุด” ก่อนจะออกมาเป็น แคมเปญการตลาดนั้น เราไม่เพียงต้องเข้าใจถึงแบรนด์ให้ถูกต้องแจ่มชัดให้มากที่สุดนะครับ เรายังต้องเสริมความแข็งแกร่งของ แบรนด์ให้กับลูกค้า สร้างการรับรู้ เพิ่ม engagement และเพิ่ม leads sale ได้ด้วย.

มีกลยุทธ์หนึ่งที่ควรทำแต่หลายคนไม่ยอมทำกันก็คือ แบ่งงบเล็กๆ มาทดลอง โยนแคมเปญไปในทุกช่องทาง วิธีการนี้เรียก A/B testing แล้วดูว่า แคมเปญทางไหนประสบความสำเร็จแล้วจึงค่อยยกระดับการเดินแคมเปญทางนั้น ไม่ใช่เอะอะอะไรก็จะจัดแต่ Event Marketing ที่ใช้งบสูง เป็นท่าไม้ตายแต่เพียงอย่างเดียว.



2.อยากได้ลูกค้าทุกกลุ่มด้วยงานชิ้นเดียว

การทำการตลาด หรือการโฆษณาของคุณนั้นต้องแยกออกเป็นกลุ่มแยกย่อยออกมา ถึงสินค้าของคุณจะเป็นสินค้าระดับ แมส แต่ทุกวันนี้ต้องทำแคมเปญที่สอดรับกับ กลุ่มที่แยกย่อยลงมา สื่อสารการตลาดให้ถึงในแต่ละกลุ่ม เพราะลูกค้าในปัจจุบันนี้ มีความหลากหลายสูงมาก (diversification) การทำการตลาดแบบ หว่านแห แล้วหวังว่าโชคจะเข้าข้างให้มีอะไรติดไม้ติดมือขึ้นมาบ้างนั้น เป็นการตำน้ำพริก(ของลูกค้า) ไปละลายแม่น้ำ


3.ขาด USP (Unique Selling Proposition)

หรือขาดจุดขายไม้ตาย คำถามง่ายที่สุดคือ ทำไมลูกค้าถึงจะต้องมาซื้อกับคุณแต่ไม่ซื้อจากคนอื่น? นี่เป็นสิ่งที่ทำให้สินค้า หรือบริการของคุณนั้นต่างไปจากคนอื่น ถามซ้ำๆ ครับว่าทำไมต้องซื้อกับเรา การทำแบนเนอร์ ประเภท “คุ้มค่าที่สุด”, หรือ “ลูกค้าเชื่อมั่นที่สุด” อาจจะไม่พอแล้วสำหรับยุคนี้


4.จับลูกค้าเก่าไม่อยู่

ในโลกธุรกิจ 80% ของรายได้นั้นมาจากลูกค้า 20% ที่คอยจะซื้อซ้ำสินค้าและบริการของเรา ในขณะที่ รายได้ 20% นั้นมาจากลูกค้าที่ซื้อครั้งแรก ถ้าเราไม่สามารถจับลูกค้าเก่าของเราให้อยู่ วิ่งหาแต่ลูกค้าใหม่ๆ ค่าใช้จ่ายในการหาลูกค้าใหม่นั้นสูงกว่าลูกค้าเก่าถึง 5 เท่าเลยทีเดียว​


5.ไม่พร้อมลงทุน

งบการตลาดสำหรับบริษัทตั้งแต่เปิดบริษัทวันแรก จนถึง ปีที่ 20 งบการตลาดที่ควรจะเป็นคือ 25% ถึงจะสร้างผลตอบแทนให้ได้ดังหวัง แต่จากการสำรวจส่วนใหญ่ จะวางไว้ที่ไม่เกิน 10% จึงทำให้ผลตอบรับนั้นต่ำ และทำให้การดำเนินงานทางด้านการตลาดนั้นไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร


6.ไม่มีการติดตามผลการดำเนินงาน

ในยุคปัจจุบันนี้มีเครื่องมือมากมายเลยที่ให้ติดตามผลการดำเนินการของบริษัท รวมถึงความได้เปรียบ หรือเสียเปรียบต่างๆนาๆ การติดตามผลหรือ Tracking และมาตรการการติดตามผล Tracking นั้นต้องคมและเป็นไปได้จริง และตอบโจทย์นะครับ


7.กลัวการแก้ไขเปลี่ยนแปลง

ธุรกิจก็มีชีวิตเหมือนคนเรา บางทีก็ต้องไปฉีด ไปตัด ลดน้ำหนัก เพิ่มน้ำหนัก ออกกำลังกาย ดังนั้นการวางแผนการตลาดนั้นก็ต้องสอดคล้องกับ ความต้องการของลูกค้า ไม่ใช่ความเป็นไปของบริษัท ถ้าความต้องการลูกค้าเปลี่ยน บริษัทผู้ขายสินค้าก็ต้องเปลี่ยนตามความต้องการของลูกค้าเช่นเดียวกัน


นักการตลาดที่สามารถสื่อสารการตลาดได้เก่ง ก็ต้องสามารถสื่อสารส่งสารเหล่านี้ให้กับลูกค้าได้เข้าใจตรงกัน และเดินแผนการตลาดร่วมกัน การวัดผลคือการเดินไปสู่เป้าหมาย ทุกอย่างจะมีการบ่มเพาะ ช้า เร็ว ขึ้นอยู่กับการวางแผน และการเดินตามแผนที่ดี และที่สำคัญต้องสามารถ ปรับ เปลี่ยนแผนได้ตามความเปลี่ยนแปลงไปของโลกด้วยครับ.

ข้อมูลที่เป็นแรงใจจาก

www.smartbrief.com

Comments


bottom of page