พี่กลยุทธ์ได้พูดถึงการทำงานจากที่บ้าน หรือเรียน หรือประชุมออนไลน์ ที่จะต้องทำให้คนเราอยู่หน้าจอมากกว่าปกติที่ควรจะเป็น เพราะเราต้องยอมรับว่าการทำงานผ่านระบบดิจิตอลนั้นบังคับให้เราอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์มากขึ้นกว่าการทำงานแบบปกติที่เราเคยทำกันมาอยู่
จากกรวิจัยนั้นพบว่าประชากรในปัจจุบันนี้ 50% - 90%ที่ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ มีอาการอย่างน้อย 1 -2 อาการของ CVS, ยิ่งการทำงานจากที่บ้านที่ต้องประชุมผ่าน Zoom ผ่านอะไรอีกหลายอย่างแล้วยิ่งเพิ่ม screen time หรือเวลาหน้าจอมากขึ้นไปอีก
พี่กลยุทธ์จึงได้ไปรวบรวมสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากการที่ต้อง กักตัวอยู่บ้าน Social Distancing เพื่อให้ทุกคนมีข้อควรระวัง และทางแก้ไขให้สุขภาพทั้งกาย และใจเป็นปกติและสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติสุขกันนะครับ
#การเพิ่มเวลาหน้าจอ = เพิ่มน้ำหนัก การดูทีวีเพิ่มขึ้นสองชั่วโมงต่อวันนั้นเพิ่มความเสี่ยงในการทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ เพราะการดูทีวีที่เพิ่มขึ้นนั้นจะ + ด้วยเครื่องดื่มน้ำหวานหรือ แอลกอฮอร์, หลับน้อยลง และพฤติกรรมการกินที่เพิ่มมากขึ้นระหว่างนั่งดูทีวีหรือทำงานหน้าจอ
#ปัญหาเรื่องสายตา การจ้องหน้าจอเป็นระยะเวลายาวนานนั้น จะทำให้เกิดอาการ CVS “Computer Vision Syndrome” โดยอาการคือ ตาแห้ง, เห็นภาพซ้อน ปวดคอ กล้ามเนื้อหลังส่วนบน และอาจจะลามไปถึงการมีอาการปวดหัวเรื้อรัง ที่เป็นเช่นนี้เพราะในขณะที่คุณกำลังจ้องมอง มอร์นิเตอร์ อยู่นั้น ดวงตาของคุณจะต้อง ปรับระยะโฟกัส อยู่ตลอดเวลา และมีการเคลื่อนไหวไปมาอย่างต่อเนื่อง และส่งภาพมากมายไปยังสมองของคุณ ด้วยภาระเช่นนี้ กล้ามเนื้อตาของคุณนั้นต้องทำงานหนักมาก
#การจ้องมองมอร์นิเตอร์ แทนการอ่านจากกระดาษนั้นมีข้อเสียมากมาย เพราะการอ่านจากกระดาษปกติกระดาษไม่มีแสงเปล่งออกมา แต่มอร์นิเตอร์ทั้งหลายจะมีแสงจ้าออกมา บางคนคิดว่าดังนั้นเราควรหรี่แสงลงให้ต่ำๆ ยิ่งทำให้ตาของเรานั้นต้องปรับโฟกัสเพื่อชดเชยกับแสงที่ลดลงไปไม่ได้ช่วยอะไรเลย การปรับแสงให้พอดีกับการเห็นถือเป็นการทำร้ายดวงตาที่น้อยแล้วครับ
ในกลุ่มที่มีอาการหนักมากจะมีอาการที่เกิดขึ้นจากจิตใจร่วมด้วย เช่น หงุดหงิดง่าย กระสับกระส่าย, สนใจอะไรได้ไม่นาน, สมาธิสั้น โดยเฉพาะกับผู้ที่สวมใส่ แว่นตา หรือ คอนแทคเลนส์ เป็นปกติต้องคอยระวังให้มาก.
ข่าวร้ายก็คือขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปว่า ในระยะยาวนั้นจะเกิดผลร้ายอะไรบ้างกับสุขภาพของมนุษย์ แต่แน่นอนมันคงไม่ใช่เรื่องดีนัก Dr. Ming He, M.d., นายแพทย์ทางด้านประสาทวิทยา ของ Neuroscience Institute จากสถาบัน JFK Medical Center ได้กล่าวไว้ว่า “จนกว่าเราจะได้ผลการวิจัยที่แน่นอน คุณจำเป็นต้องป้องกันตัวเองจากการใช้คอมพิวเตอร์ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
หากคุณมีอาการปวดหัวจากการอยู่หน้าจอเป็นระยะเวลายาวนาน มนุษย์กลยุทธ์ขอ เสนอวิธีป้องกันอาการปวดหัวจากการใช้คอมพิวเตอร์ในระยะเวลายาวนาน
1. ต้องมั่นใจว่า จอคอมพิวเตอร์อยู่ห่างจากสายตาคุณ 20 - 25 นิ้วเป็นอย่างน้อย หรือ ประมาณ 2 ไม้บรรทัด.
2. ลองหาแว่นตาที่ป้องกันแสงสีน้ำเงิน หรือ Blue Light มาใส่เพื่อป้องกันสายตา.
3. แสงไฟในห้องที่ทำงานนั้นต้อง สว่างเท่ากับหน้าจอ.
4. พยายามปรับหน้าจอไม่ให้เกิดแสงสะท้อนเข้าดวงตาคุณให้น้อยที่สุด
5. ตั้งเวลาเบรคการทำงานหน้าจอคอมให้มากที่สุด, ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าทุกๆ 2 ชั่วโมงที่คุณควรตั้งเวลาเบรค อย่างน้อย 20-30 นาทีเพื่อมองหรือทำสิ่งอื่นๆ เช่นมองไปไกลๆ มองต้นไม้ หรือพักสายตา.
6. ให้นั่งตัวตรงในการทำงาน ห้ามหลังงอ เพราะการจัดร่างกายที่ไม่ถูกต้องนั้นจะนำพาไปสู่อาการปวด คอ บ่า ไหล่ โดยไปสร้างความเครียดให้กับบริเวณดังกล่าว และทำให้เกิดอาการปวดศีรษะได้เพิ่มขึ้น.
7. กระพริบตาให้มากขึ้น การจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นระยะเวลานานๆ จะทำให้เราไม่ค่อยกระพริบตา ทำให้ตาแห้งและอาจจะทำร้ายดวงตาของเราได้ ดังนั้นให้กระพริบตาอย่างสม่ำเสมอ หรือทุกครั้งที่นึกขึ้นได้ต้องกระพริบตาถี่ๆ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับดวงตา
อาการปวดศีรษะนั้นอาจจะมาจากสาเหตุอื่นไม่ว่าจะเป็น ความเครียด ไมเกรน หรือ ความดัน ดังนั้นมนุษย์กลยุทธ์ขอเพิ่มในส่วนของการดื่มน้ำให้เพียงพอ และพยายามนอนหลับพักผ่อนให้พอเพียง รวมไปถึงการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ด้วย จะทำให้ช่วงเวลา Distancing ในรอบใหม่นี้ไม่ส่งผลเสียกับสุขภาพของคุณนะครับ.
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก
www.aoa.org.
www.carewellurgentcare.com
www.webmd.com
Comments