Subway ที่มาพร้อมกับสโลแกน ‘Eat Fresh’ เป็นแบรนด์แซนด์วิชระดับโลกที่ใครๆ ก็ต้องรู้จัก จริงๆ แล้ว Subway เริ่มต้นมาจากการยืมเงินเพื่อหาทุนเรียนต่อเท่านั้นเอง มาอ่านเรื่องราวการเติบโตของ Subway กันเลยครับ
ในปี 1965 เฟรด เดลูก้า (Fred DeLuca) ยืมเงิน 1,000 ดอลลาร์จากเพื่อนที่ชื่อ ปีเตอร์ บัค (Peter Buck) เพื่อเปิดร้านแซนด์วิชเล็กๆ ที่ชื่อ Pete’s Super Submarines โดยมีแซนด์วิชยาวจนเหมือนเรือดำน้ำยักษ์เป็นเมนูชูโรง
ปีต่อมาทั้งสองคนจับมือตั้งบริษัทชื่อ Doctor’s Associates (ชื่อนี้มีที่มาจากเดลูก้าที่ต้องการหาเงินไปเรียนต่อด้านการแพทย์) บริษัทนี้จะดูแลการขยายสาขาของร้านแซนด์วิชเล็กๆ แห่งนี้
----------------------------------------------------------------------------------------------
ปี 1968 Pete’s Super Submarines เปลี่ยนชื่อมาเป็น Subway อย่างทุกวันนี้
ปี 1978 Subway ขยายสาขาไปยังฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกา
ปี 1981 มีสาขา 200 แห่งทั่วสหรัฐอเมริกา
ปี 1984 เปิดสาขาต่างประเทศแห่งแรกในบาห์เรน
ปี 1990 มีสาขาทั่วโลกทั้งหมด 5,000 แห่ง!!!
----------------------------------------------------------------------------------------------
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้แฟรนไชส์ของ Subway ขยายไปได้อย่างรวดเร็วก็คือค่าเปิดร้านแฟรนไชส์ที่ถูกกว่าแฟรนไชส์คู่แข่งอื่นๆ ในยุคนั้นเงินทุนเริ่มต้นของแฟรนไชส์ Subway จะอยู่ที่ 116,000 ถึง 263,000 ดอลลาร์ ในขณะที่แมคโดนัลด์ต้องมีเงินทุนถึง 1 ล้านเหรียญถึง 2.2 ล้านดอลลาร์เลยทีเดียว
นอจากนั้น Subway ยังเน้นภาพลักษณ์ของ “ฟาสต์ฟู้ดเพื่อสุขภาพ” เพราะในช่วงปี 1990 ชาวอเมริกันจะเริ่มมองหาอาหารที่รักษาสุขภาพ ในปี 1997 Subway เปิดตัวแคมเปญโฆษณาแซนด์วิชไขมันต่ำ 7 รายการ และยังสร้างแคมเปญเปรียบเทียบสารอาหารฟาสต์ฟู้ดแบบอื่นๆ จนทำให้ Subway ประสบความสำเร็จ
ในปี 2002 Subway กลายเป็นเครือข่ายฟาสต์ฟู้ดที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา แซงหน้าคู่แข่งอมตะอย่างแมคโดนัลด์
แม้ว่าต่อมาคู่แข่งหลายเจ้าจะเริ่มพัฒนาตัวตาม Subway หรือว่าบางครั้งการขยายสาขาที่รวดเร็วเกินไปส่งผลให้สาขาที่ใกล้กันกลายมาเป็นคู่แข่งกัน แต่ Subway ก็ยังเป็นเครือข่ายฟาสต์ฟู้ดเจ้าใหญ่เจ้าหนึ่งในโลกอยู่ดี และไม่น่าเชื่อเลยว่าทั้งหมดจะเริ่มต้นจากการที่เจ้าของ Subway ต้องการหาเงินทุนไปเรียนต่อเท่านั้นครับ
ข้อมูล
Comments